ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความงามนั้นมีอยู่มากมายจนอาจทำให้คุณสับสน
เรารู้ว่าคุณต้องมีคำถามแน่ ๆ ใบบทความนี้เราจึงจะมาพูดถึง 5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการรักษาความงามของใบหน้าที่พบบ่อยที่สุด!
ความเชื่อ 1 : การรักษาความงามทำให้ใบหน้าของคุณดูไม่เป็นธรรมชาติหรือแสดงสีหน้าไม่ได้
แม้ว่าจะมีคนที่ทำแล้วใบหน้าออกมาดู “ล้นเกิน” แต่นั่นมักเกิดจากการวางแผนการรักษาที่ไม่ดี
โดยทั่วไปแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจะประเมินความต้องการด้านความงามและสภาพผิว รวมถึงทำความเข้าใจเป้าหมายด้านความงามของคุณก่อนออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ซึ่งจะใช้ผลิตภัณฑ์และปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้แพทย์ยังปรับระยะห่างระหว่างการรักษาในแต่ละครั้ง เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดอีกด้วย
ดังนั้นคุณจึงต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเข้ารับการรักษา
ความเชื่อ 2 : ฟิลเลอร์เติมเต็มใต้ผิวหนังจะทำให้ใบหน้ายิ่งหย่อนคล้อยเมื่อเสื่อมสภาพ
ฟิลเลอร์เติมเต็มใต้ผิวหนังอย่างฟิลเลอร์กรดไฮยาลูโรนิกจะสลายไปเองตามธรรมชาติ และผลลัพธ์ที่ได้ก็จะค่อย ๆ หายไป ดังนั้นผิวของคุณก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
อันที่จริงแล้วงานวิจัยจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็นว่า ฟิลเลอร์เติมเต็มใต้ผิวหนังจากกรดไฮยาลูโรนิกนั้นช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้น ซึ่งทำให้เกิดผลดีในระยะยาว เช่น ช่วยเติมน้ำให้ผิวและทำให้ผิวดูอวบอิ่มแม้ว่าฟิลเลอร์จะสลายไปหมดแล้วก็ตาม
ความเชื่อ 3 : การเติมคอลลาเจนหรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมคอลลาเจนนั้นเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาความงามเพิ่มเติม
การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผสมคอลลาเจนนั้นแทบจะไม่เกิดผลใด ๆ เลย เพราะโมเลกุลคอลลาเจนนั้นมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เมื่อทาภายนอก นั่นหมายความว่าคอลลาเจนล้ำค่าทั้งหมดที่คุณทาลงไปจะยังเกาะอยู่บนผิวจนกระทั่งคุณล้างออก
ระดับคอลลาเจนในผิวของคุณจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น และโชคร้ายที่คุณไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการนี้ได้ แต่วิธีการรักษาความงาม เช่น การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มใต้ผิวหนังจากแคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ และการใช้เทคโนโลยีกระชับผิวด้วยการปล่อยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ชนิดเจาะจงที่มีความถี่สูง (MFU-V) นั้นสามารถกระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้
ความเชื่อ 4 : การรักษาความงามนั้นเจ็บและต้องพักฟื้นนาน
แม้ว่าแต่ละคนจะสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้ในระดับที่ต่างกัน แต่การรักษาความงามในปัจจุบันนั้นเจ็บตัวน้อยกว่าสมัยก่อนมาก นอกจากนี้แพทย์ด้านความงามยังใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น เช่น ทายาชา ใช้เครื่องดมยาสลบหรือยาแก้ปวด ไม่ต้องพูดถึงว่าคนไข้ที่เข้ารับการรักษานั้นแทบไม่ต้องเผื่อเวลาพักฟื้นหรือไม่ต้องพักฟื้นเลย คนไข้บางรายแวะมาเข้ารับการรักษาตอนพักกลางวันด้วยซ้ำ!
ความเชื่อ 5 : การรักษาความงามนั้นอันตรายและส่งผลเสียต่อร่างกาย
การรักษาความงามนั้นปลอดภัย แต่จะส่งผลเสียต่อร่างกายและอาจเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้เข้ารับการรักษากับผู้เชี่ยวชาญ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมคุณจึงต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่า คลินิกที่คุณเลือกผ่านการรับรอง ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ และรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการรักษานั้นปลอดภัยคือการตรวจสอบว่า วิธีการรักษานั้น ๆ ได้รับการอนุมัติหรือรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) หรือไม่ สิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า การรักษาด้วยวิธีนี้ผ่านการรับรองโดยการทดลองทางคลินิกที่เชื่อถือได้ และหน่วยงานด้านสุขภาพยืนยันแล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
เราหวังว่าการไขความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับความงามเหล่านี้จะช่วยให้คุณมั่นใจในเส้นทางสู่ความมหัศจรรย์มากขึ้น พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่นี่